พฤกษาปริศนา
ใครอาจหาญเข้าไปในพฤกษาปริศนาแล้ว จะไม่มีวันได้ออกมายังโลกภายนอกอีก นิยามของสถานที่ต้องสาป ที่จะกักขังผู้มาเยือนไว้ ชั่วนิรันดร์
ผู้เข้าชมรวม
250
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พึ่งเคยแต่งเป็นเรื่องแรก หลังจากอ่านมานาน ฝากด้วยนะคะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
“บุษ...บุษ” เสียงทุ้มเรียกสติหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย ให้เอียงคอมองเล็กน้อย
“หือ อาจเรียกเราหรอ”
“บุษไม่ได้ฟังที่ผมพูดอีกแล้วสิเนี่ย” อาจณรงค์พูดอย่างนึกหน่าย
“ฟังนะ เราฟังอยู่” เสียงใสดังขึ้นทันทีอย่างร้อนตัว
“แล้วบุษจะไปไหม” เขาถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง
“ไปไหนล่ะ” คราวนี้น้ำเสียงใสเจือความงุนงง เรียกเสียงถอนใจของชายหนุ่มข้างกายเป็นอย่างดี
“บุษไม่ได้ฟังผมพูดจริงๆด้วย”
“แหะๆ อาจ...เราขอโทษนะ เราเหม่อไปหน่อย” บุษบายิ้มแหยๆ ให้เขาเหมือนตลอด 4 ปีที่คบกันมา
“บุษก็เหม่อทั้งปีแหละ ผมพูดมาตั้งนานบุษเล่นไม่ฟังซักคำ” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นงอน แต่ ดูเหมือนจะได้ผลแฮะ
“น่านะ อาจ...อาจสุดหล่อ...อาจสั่งให้ทำอะไรเดี๋ยวเราทำให้หมดเลย แต่อาจอย่างอนเรานะ คนดี” หญิงสาวอ้อนเสียงหวานโดยไม่ทันสังเกต ยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา
“เหอะ เอางี้แล้วกัน พรุ่งนี้ 4 โมงเย็นบุษต้องมากับผมด้วย” เข้าแผนล่ะ หึหึ
“อาจจะไปไหนหรอ” เสียงหวานใสถาม
“สวนข้างโรงพยายาลน่ะ มีเรื่องน่าสนใจนิดหน่อย” อาจยิ้มกว้าง
“อะไรที่น่าสนใจล่ะ”
“พฤกษาปริศนา!!!” คำตอบจากอาจเรียกความอึ้งมาครอบงำบุษซักพักก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยความลังเล
“มันจะดีหรอ ได้ยินว่าที่นั่นมีอาถรรพ์นะ”
“โถ่ บุษอาถงอาถรรพ์อะไรกัน ของแบบนั้นมันมีจริงซะที่ไหนเล่า” อาจพยายามเรียกความมั่นใจของหญิงสาวกลับคืนมา
“แต่เราเคยได้ยินจริงๆนะ ที่ว่า ‘ใครอาจหาญเข้าไปในพฤกษาปริศนาแล้ว จะไม่มีวันได้ออกมายังโลกภายนอกอีก’ ” บุษย้ำเสียงแผ่ว
อาจกุมมือหญิงสาวพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไร้สาระน่า เรื่องหลอกเด็กชัดๆ ผมไปด้วยทั้งคนบุษจะกลัวอะไร”
“แต่...” บุษเริ่มต้นประโยคอย่างไม่แน่ใจก่อนจะโดนอาจพูดขัดขึ้นมา
“โอเคนะบุษ ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็เป็นการไถ่โทษที่บุษไม่ยอมฟังที่ผมพูดไง”
“อาจ...” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เธอไม่เคยขัดเขาได้ซักครั้ง
“อ๊ะ ผมต้องไปแล้วละ พรุ่งนี้เจอกัน ห้ามสายนะ บายจ้ะที่รัก” อาจหอมแก้มเธอก่อนเดินจากไป
“จ้ะ บาย พรุ่งนี้เจอกัน” บุษตอบเสียงแผ่ว
อาจเดินลับตาไปแล้วซักพักแล้ว หากบุษยังคงนั่งคิ้วขมวดอยู่ที่ม้าหินตัวเดิม -พฤกษาปริศนางั้นหรือ สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลย- ร่างบางนั่งอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ก่อนเดินช้าๆ ออกจากรั้วมหาวิทยาลัยที่ตนกำลังศึกษาอยู่
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
1 อาทิตย์ถัดมา
“พ่อคะ มีข่าวอะไรน่าสนใจมั้ยคะ”
“ข่าวเดิมๆ แหละลูก ไปโรงเรียนกันเถอะ เดี๋ยวจะสายซะก่อน”
สองพ่อลูกเดินไปขึ้นรถหน้าบ้าน ปล่อยให้หนังสือพิมพ์ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวที่มีอยู่ตัวเดียวในบ้าน สายลมจากไหนซักแห่งพัดหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปกองอยู่บนพื้น เผยหน้าเกือบกลางของมันออกมา กรอบข่าวเล็กๆ ที่มุมล่างของหน้ากระดาษเอ่ยถึงข่าวการหายสาบสูญไปอย่างลึกลับของนักศึกษาชายหญิงคู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นแม่จะเก็บมันขึ้นมาและพับเก็บไว้บนโต๊ะตัวเดิม
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“นี่ รู้ป่าวว่าเราจะไปเข้าค่ายที่ไหน” เด็กสาวในชุดนักเรียนโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งถามเพื่อนข้างตัวขณะเดินอยู่ที่ระเบียงโรงเรียน
“หน่อยยังไม่รู้แล้วนิดจะรู้ได้ไงล่ะ” น้ำเสียงแบบเดียวกันของนิดเอ่ยตอบงงๆ
“ก็หน่อยเห็นนิดรู้ทุกเรื่องเลยนี่นา” หน่อยฉีกยิ้มกว้าง
“บ้า มันก็รู้พอๆ กันแหละ ก็เราอยู่ด้วยกันตลอดเลยนี่” นิดตีแขนหน่อยเบาๆ
ฝาแฝดหัวเราะคิกคัก ก่อนเดินเข้าห้องเรียนชั้น ม.3/4 ด้วยกัน เสียงจอแจด้านในบอกกลายๆ ว่าครูยังไม่เข้าห้อง ทันทีที่สองสาวก้าวพ้นประตู เสียงใสจากหลังห้องก็ตะโกนเรียกขึ้นมา
“นิด หน่อย มานี่ก่อนดิ” ฝาแฝดหันไปมองหน้ากันและเดินยิ้มร่าไปหาต้นเสียง
“แพรมีอะไรหรอ” หน่อยถามขณะที่คนเรียกกำลังขนของออกจากเก้าอี้
“มาปรึกษาเรื่องไปเข้าค่ายกัน” แพรเงยหน้าตอบพร้อมพยักหน้าให้สองสาวนั่ง (บนเก้าอี้ที่พึ่งเก็บของเสร็จ)
“แล้วรู้ป่าวว่าจะไปที่ไหนอะ” นิดถามทันทีที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
“รู้สิ เอ่อ...” แพรเงยหน้ามองคนถามพร้อมขมวดคิ้ว
“นิดจ้ะ” คนถามบอกชื่อตัวเสร็จสรรพทันทีที่รู้ว่าเพื่อนแยกเธอจากแฝดไม่ได้
“อือ ขอบใจ ทีหลังพวกเธอน่าจะทำป้ายชื่อคล้องคอนะ”
“โหย ไม่ใช่เรื่องแล้ว ตกลงเราจะไปเข้าค่ายที่ไหน” หน่อยดึงเพื่อนเข้าเรื่องเดิม
“ได้ข่าวว่าไปที่วนอุทยานอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ รู้สึกจะได้นอนป่าด้วย” แพรพูดด้วยความมั่นใจ
“จริงหรอ อยากไปไวๆจัง เมื่อไหร่ครูจะแจกใบขออนุญาตผู้ปกครองนะ” เด็กสาวกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันควัน
“ไม่เกินมะรืนนี้แหละ เราออกค่ายอาทิตย์หน้านี่ ใช่ปะรุจ” แพรหันไปถามเด็กหนุ่มที่นั่งเยื้องไปด้านหน้า
“ตามตารางของโรงเรียนมันเขียนว่างั้นนี่ นอกจากครูจะเปลี่ยนกำหนดการเท่านั้นแหละ” รุจตอบทันทีโดยไม่เงยหน้าจากตำราเรียน
“คงไม่เปลี่ยนหรอกมั้ง ไม่เห็นครูเค้าแจ้งอะไรเลยนะ” นิดเห็นด้วยกับรุจ -แหงล่ะ ใครไม่อยากไปเที่ยวเร็วๆ กัน-
“เรื่องนั้นช่างเหอะ เรามาดูกันดีกว่าว่าจะเอาอะไรไปด้วยดี” แพรเปลี่ยนเรื่องคุย
“อืม ก็ได้ เอางี้มั้ย... ”
บทสนทนายังดำเนินต่อไปซักพัก จนกระทั่งครูเข้าห้องเรียน พร้อมแจกใบขออนุญาตผู้ปกครองเพื่อไปเข้าค่ายลูกเสือ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน นักเรียนทุกคนต่างพากันตื่นเต้นที่จะได้ออกนอกสถานที่ หากยังไม่มีใครรู้ว่า การเข้าค่ายครั้งนี้ มีอะไรมากกว่าที่คาดกันไว้นัก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“ถึงซะที นั่งรถตั้งนาน เมื่อยชะมัด” เด็กสาวในชุดเนตรนารีเดินบิดขี้เกียจลงมาจากรถ
“แต่ก็คุ้มนะแพร ที่นี่สวยมากเลย หน่อยว่ามั้ย” เด็กชายที่เดินตามลงมาเอ่ยขึ้นพร้อมหาเสียงสนับสนุน
“อืม สวย แต่รู้สึกว่าที่นี่มันแปลกๆนะรุจ” หน่อยหันมาตอบหลังจากเหลียวมองบรรยากาศรอบตัวได้พักใหญ่
“ใช่ๆ ที่นี่มันแปลกๆ แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่แปลก” นิดพูดตามอย่างเห็นด้วย
คำตอบของฝาแฝดเรียกความงุนงงให้รุจเป็นอย่างดี “แปลกที่ละมั้ง ไม่มีอะไรหรอกน่า เธอสองคนคิดมากรึปล่าว”
“นี่ พวกเราไปเถอะ ครูเรียกรวมพลแล้วละ” แพรหันมาเรียกเพื่อน
“โอเค หน้าเดินสาวๆ เดี๋ยวครูจะคอยนาน” เสียงของรุจเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี
เด็กๆ พากันเดินไปหาครูที่ลานกว้างร่มรื่นข้างที่จอดรถ มีการแนะนำวิทยากร ปรับเวลาให้ตรงกันเพื่อสะดวกในการนัดหมาย และอธิบายกิจกรรมเล็กน้อยก่อนจะแยกนักเรียนตามหมู่เพื่อสร้างที่พักของแต่ละหมู่เอง วันแรกของการเข้าค่ายผ่านไปอย่างสนุกสนาน แล้วกิจกรรมภาคกลางคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง
กิจกรรมทดสอบความกล้า
“นี่ รุจ ครูจะเอาจริงหรอ” หน่อยหันไปสะกิดเพื่อนชายเบาๆ
“แล้วเธอกลัวหรอ เอ่อ...”
“เราหน่อย แต่มันน่ากลัวจริงๆ นะ” หน่อยพูดเสียงเครียด
“สังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยด้วย” นิดกล่าวขึ้นมาตรงๆ
“คิดมากน่า ครูเค้าสำรวจที่เรียบร้อยแล้วน่า อย่างดีก็แค่หลอกผีกันเท่านั้นแหละ ไม่เห็นมีอะไรเลย” แพรหันมาปลอบฝาแฝดยิ้มๆ
“อย่างที่แพรว่านะแหละ พวกเธอไม่ต้องคิดมากหรอก” รุจย้ำ
ฝาแฝดมองตากันแล้วถอนใจลึก สังหรณ์ของพวกเธอไม่ค่อยพลาด แถมตอนนี้ความรู้สึกนั้นยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซะอีก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
22.30 น. กิจกรรมทดสอบความกล้าเริ่มขึ้นแล้ว นักเรียนแต่ละหมู่พากันเดินไปตามทางที่ครูและวิทยากรจัดไว้ มีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากนักเรียนหญิงแว่วมาเป็นระยะ หมู่ของรุจเข้าไปนานแล้วเพราะทางวิทยากรจัดให้พวกลูกเสือเข้าไปก่อน ส่วนเนตรนารีอย่าง แพร นิด และหน่อยตามเข้าไปทีหลัง ความจริง เหลืออีกหมู่เดียว ก็ถึงตาหมู่ดาวเรืองของสามคนนี้แล้ว
“ตื่นเต้นจังเลยเนอะ” แพรอดหันมาคุยกับเพื่อนไม่ได้
“แต่ยังไม่เห็นเพื่อนคนอื่นที่เข้าไปแล้วออกมาเลยนะ” หน่อยยังคงกังวล
“แหม ครูเค้าคงไม่จัดให้ทางออกอยู่ทางเดียวกับทางเข้าหรอก สุดสวย” แพรกระเซ้าเพื่อนซี้
“แพรดูไม่กลัวเลยนะ” เด็กสาวด้านข้างอีกคนหนึ่งแหย่แพร
“เมย์จะให้เรากลัวอะไรล่ะ ของมันก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว” แพรหันไปตอบพร้อมยักคิ้วให้เพื่อนสาว
“หมู่ดาวเรือง เข้ามาได้แล้วครับ” เสียงครูแว่วมาจากทางเข้าฐานกิจกรรม
“ไปกันเถอะเพื่อนๆ ครูเรียกแล้ว” เมย์เรียกเพื่อนร่วมหมู่ที่กระจายกันอยู่
เด็กๆ หมู่ดาวเรือง เดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเข้าไปเช่นเด็กหมู่อื่น มีหัวหน้าหมู่คือแพร ถือไฟฉายเดินนำหน้า ตามด้วย ซิน นิด หน่อย แก้ว และเมย์ซึ่งเป็นรองหัวหน้าเดินปิดท้ายพร้อมไฟฉายอีกกระบอก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
23.15 น.
“อีกไกลมั้ยอะ แพร” เสียงซินดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“ไม่รู้สิ ความจริงเราต้องเดินกันไม่ถึงกิโลนะ” แพรตอบอย่างไม่มั่นใจ
“นี่ ทุกคน พวกเรายังไม่โดนหลอกผีกันเลยไม่ใช่เหรอ” เสียงแก้วดังมาจากด้านหลัง
“มันก็จริงอะนะ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยมาพักใหญ่ๆ แล้วละ” นิดพูดขึ้นมาบ้าง
“ผิดปกติแล้วนะ ในป่ายังไงก็ต้องมีเสียงอะไรบ้างสิ” เมย์ขมวดคิ้ว -นี่มันในป่านะ อย่างน้อยก็ต้องมีพวกจิ้งหรีดเรไรอะไรบ้างสิ-
“แพร พวกเราไม่ได้หลงทางใช่มั้ย” แก้วพูดอย่างลังเล
“ไม่หรอกมั้ง เราเดินตามทางมาเรื่อยๆ นะ แล้วมันก็ไม่มีทางแยกด้วย” เสียงแพรเริ่มเครียด -ระยะทางมันไกลเกินไปแล้ว-
“แต่ มันนานเกินไปแล้วนะ แพรแน่ใจนะว่าไม่มีทางแยกอะ” ซินถามย้ำ
“ไม่มีแน่ๆ เรายืนยันให้แพรได้ เราดูทางตลอด” เมย์ตอบแทนเพื่อน
“นี่ หน่อยว่าหน่อยเห็นป้ายข้างหน้านะ ใช่ป่าว” หน่อยเอ่ยขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในหมู่เพื่อน
“อ๊ะ ใช่ๆ ไหนดูซิ อ่านยากจัง อืม... ‘พฤกษาปริศนา’ อะไรของครูเนี่ย” เสียงแพรอ่านป้ายด้วยความงุนงง
“ครูให้เราคิดปริศนาหรอ ปกตินี่มันไม่มีในกิจกรรมทดสอบความกล้านะ” แก้วชักเริ่มปวดหัว
“เอาไงล่ะ จะเดินต่อหรือจะย้อนกลับ” แพรถามความเห็นสมาชิกในหมู่
“เดินต่อเถอะ อาจจะใกล้ถึงแล้วก็ได้” ซินพูดอย่างลังเล
สมาชิกหมู่ดาวเรืองเดินต่อไปเงียบๆ ความรู้สึกแปลกเข้ามาเกาะกุมฝาแฝดอีกครั้ง ทั้งสองสบตากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เราว่าเราเห็นรั้วนะ รั้วเก่าๆ” แพรบอกเพื่อนที่เดินตามมาด้านหลัง
“รั้วหรอ ในวนอุทยานเนี่ยนะ แปลกเกินไปแล้วมั๊ง” แก้วเดินลัดแถวมาดู “เอ๊ะ รั้วจริงๆ ด้วย”
“เอาไงล่ะ” ซินหันไปมองหน้าเพื่อนที่เดินตามมา
“ข้างหน้ายังมีทางรึป่าวล่ะ” เมย์ถามเรียบๆ พยายามกดความกลัวไว้ในใจ
“มี ทางเดียว เป็นทางเล็กๆ นะ จะเดินต่อมั๊ย” แพรตอบเบาๆ
“ฝาแฝดว่าไงล่ะ” แก้วหันไปถามสองคนที่ไม่ได้พูดอะไรมานานแล้ว
เสียงพูดเงียบไปซักพักก่อนที่นิดจะพูดเบาๆว่า “ตามใจเถอะ ไม่รู้นะ แต่พวกเรารู้สึกว่าคงจะถอยไม่ได้แล้วละ”
ทุกคนมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะเดินต่อไป เข้าสู่พฤกษาปริศนา
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
23.20 น.
“เด็กๆ หมู่ดาวเรืองยังไม่กลับมาอีกหรอครับ” เสียงครูถามวิทยากรอย่างกังวลใจ
“ความจริงน่าจะมาตั้งแต่ 20 นาทีที่แล้วนะครับครู ไม่รู้ว่าหายไปไหน” เสียงตอบหนักใจพอๆ กันจากวิทยากรประจำวนอุทยาน -แถบนี้ไม่มีสัตว์ร้ายอะไรแน่ๆ แต่เด็กพวกนั้นหายไปไหน ผู้หญิงทั้งกลุ่มซะด้วยสิ-
“หรือว่าพวกนั้นจะออกนอกเส้นทางครับ” ครูออกความเห็นเสียงเครียด
“ถ้างั้นก็แย่ละครับ เอางี้ ครูพาพวกเด็กๆ ไปเข้าที่พักก่อน เดี๋ยวผมจะนำเจ้าหน้าที่ไปตามหาเด็กกลุ่มนั้น” วิทยากรตัดสินใจทันที
“ผมไปด้วยครับ เดี๋ยวผมส่งเด็กๆ แล้วจะรีบมา”
“ครูเอางั้นก็ได้ อีก 5 นาทีเจอกันนะครับ”
“ครับ 5 นาที”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“เมื่อยจัง เราเดินกันมานานเท่าไหร่แล้วอะ” ซินถามขึ้นมา ความเงียบบ้าๆนี่ มันจะทำให้เธอประสาทตายอยู่แล้ว
“ตอนนี้ เอ่อ... ไม่รู้แฮะ นาฬิกาเราตายแล้วละ แปลกแฮะ ตอน 3 ทุ่มยังเดินดีๆ อยู่เลย” แพรพูดงงๆ
“ดูนาฬิกาเราก็ได้ เอ๊ะ...ทำมันตายแล้วอะ นิด ตอนนี้กี่โมงแล้ว” แก้วหันไปถามนิดแทน
นิดก้มมองนาฬิกาของตนงง และพบว่า “มันตายแล้วเหมือนกันอะแก้ว แล้ว...”
“นาฬิกาหน่อยก็ตายแล้วเหมือนกัน” หน่อยตอบทันทีโดยไม่ต้องให้ถาม
“เมย์ล่ะ” ซินหันไปถามเพื่อนคนสุดท้ายที่มีนาฬิกา
“ตายแล้วเหมือนกัน ตอน 5 ทุ่ม 17 นาที” เมย์พยายามเค้นเสียงพูดออกมา
“5 ทุ่ม 17 นาทีหรอ นาฬิกาเราก็ตายตอน 5 ทุ่ม 17 นาที” แก้วพูดเบาๆ
“พวกเราก็ด้วย” ฝาแฝดพูดขึ้นพร้อมกัน
เด็กหกคนมองหน้ากันเองและพาลขนลุกพร้อมกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความหวาดกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งซินเอ่ยทำลายความเงียบอีกครั้ง
“กลับเถอะ กลับทางเก่านั่นแหละ เราเดินมามากกว่า 47 นาทีแล้วนะ ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงเลย”
“อืม กลับดีกว่า ตกทดสอบความกล้าก็ไม่เป็นไร” แก้วเห็นด้วยกับซิน
แพร และเมย์ หันมามองหน้าฝาแฝด ทั้งคู่พยักหน้า
“โอเค ย้อนกลับทางเก่าแล้วกัน ไปกันเถอะ เดี๋ยวก็ถึงจุดเริ่มต้นเอง” แพรพยายามกระตุ้นเพื่อนๆ
ฝาแฝดมองหน้ากันเอง -ใช่ เดี๋ยวก็ถึง ถ้ากลับได้ละก็นะ-
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“เราว่าเราเดินมาได้ซักพักแล้วนะ ทำไมยังไม่เห็นป้ายพฤกษาปริศนาอะไรนั่นเลย” ซิน (เจ้าเก่า) เปรยเบาๆ
“นั่นสินะ เมย์เห็นอะไรบ้างปะ” แพรตะโกนถามคนถือไฟฉายอีกคน
“เมย์ ทำไมจู่ๆก็ดับไฟล่ะ” หน่อยหันกลับไปถามงงๆ ในใจนึกเสียววูบอย่างบอกไม่ถูก
“นั่นสิ เมย์... เมย์... เมย์หายไปไหนแล้ว” หางเสียงแก้วเกือบจะกลายเป็นการกรีดร้อง ก่อนที่หน่อยจะทักว่าไฟดับไป เธอยังรู้สึกว่าเมย์ยืนด้านหลังอยู่เลย
“เมย์ ออกมาเถอะ เล่นอย่างนี้ไม่ตลกเลยนะ” นิดพูดเสียงสั่น
“ใช่ แกล้งกันอย่างนี้เรากลัวนะเมย์” ซินเดินมาด้านหลัง พยายามเรียกเมย์ซ้ำ ก่อนจะเอนไปพิงแก้ว เธอยืนไม่ไหวแล้ว
วืบ! ร่างของซินทะลุผ่านแก้วไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตาของทุกคน
“กรี๊ดดดดดดดดดด” สามสาว (แพร นิด หน่อย) กอดกันกลม ซินและแก้วกำลังจางหายไป ตาของทั้งสองเบิกโพลงด้วยความกลัว
“ไม่เอาแล้วนะ กิจกรรมบ้าบออะไรกัน ชั้นจะกลับบ้าน” แพรตะโกนออกมาแทบไม่เป็นภาษาก่อนจะวิ่งกระเจิดกระเจิงไม่รู้ทิศทาง พร้อมไฟฉายในมือ ทิ้งให้ฝาแฝดยืนอยู่ในความมืด
“นิด พวกเราจะทำไงดี” หน่อยถามเสียงสั่น เธอคงจะประสาทกว่านี้หากแฝดสาวไม่อยู่ด้วย
“ไม่รู้สิ หน่อย พวกเราไม่รอดแน่ๆ มันเป็นไปตามที่พวกเราสังหรณ์จริงๆ” นิดกอดหน่อยแน่น เธอไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อน ลางสังหรณ์ของทั้งสองบอกชัด พวกเธอจะต้องตายที่นี่
“มาสิ มาอยู่ด้วยกัน” เสียงเยียบเย็นดังก้องท่ามกลางความมืด
“หน่อยได้ยินเสียงนั่นมั๊ย” นิดคราง เธอแทบไม่มีแรงแล้วแต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากแฝดของเธอ
“นิดก็ได้ยินเหมือนกันหรอ” หน่อยตอบเสียงแผ่ว ทั้งคู่ค่อยๆทรุดไปกองอยู่พื้น
เสียงประหลาดยังคงดังต่อไป “มาสิ พฤกษาปริศนายินดีต้อนรับสมาชิกใหม่”
“ขอร้องละ ปล่อยพวกเราไปเถอะ เราแค่มาเข้าค่าย ไม่ได้ต้องการมารบกวนพวกคุณเลย” หน่อยพูดปนสะอื้น
“พฤกษาปริศนาไม่เคยปฏิเสธสมาชิกใหม่ มาสิ มาอยู่ด้วยกัน”
“ได้โปรดเถอะค่ะ ปล่อยพวกเราไปเถอะ” นิดเริ่มสะอื้น
มีเพียงเสียงหัวเราะโหยหวนดังขึ้นเป็นคำตอบ ฝาแฝดกอดกันแน่นกว่าเดิม ทั้งคู่รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“นี่มัน...” หน่อยคราง ร่างกายของแฝดผู้พี่กำลังจะหายไป
“ไม่เอานะ นิดยังไม่อยากตาย คุณพ่อ คุณแม่ ใครก็ได้... ฮือๆ” นิดไม่เหลือสติอีกแล้ว ไม่เหลือ แม้แต่ร่างกายของตัวเอง
“ไม่นะ นิด... นิด...” หน่อยหน้าซีดสนิท เธอลงไปกองกับพื้น โดยไม่ทันสังเกตว่า ร่างกายเธอเอง ก็กำลังจางหายไป
“หึ หึ หึ หึ มาอยู่ด้วยกัน เด็กดี”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันรุ่งขึ้น
“ประกาศ ถึงนักเรียนทุกคน ครูมีความเสียใจที่จะต้องแจ้งให้ทราบว่า เราจำเป็นต้องกลับโรงเรียนทันที เนื่องจากเนตรนารีหมู่ดาวเรือง หายสาบสูญไปในป่าระหว่างกิจกรรมทดสอบความกล้าเมื่อคืนนี้ ทางโรงเรียนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพานักเรียนทุกคนที่ยังเหลืออยู่ไปส่งให้ถึงมือผู้ปกครองโดยเร็วที่สุด จึงขอให้นักเรียนทุกคนรีบเก็บของกลับบ้าน เดี๋ยวนี้ ขอบคุณครับ”
สิ้นเสียงประกาศรุจทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น -แพร... ไม่จริงใช่มั้ย-
“เฮ้ย รุจไปเก็บเต็นท์กัน นั่งช็อกอยู่ตรงนี้หวานใจแกก็ไม่โผล่ออกมาหรอก” เสียงเพื่อนชายดังขึ้นพร้อมกับมือหนักๆ ตบพลัวะไปที่บ่า เรียกสายตาอาฆาตจากรุจได้เป็นอย่างอย่างดี
“น่าๆ เดี๋ยวทางวนอุทยานเค้าก็ให้เจ้าหน้าที่ออกค้นหาเองละน่า... ไปเหอะ ไม่ต้องห่วงหรอก เด็กตั้งหกคน” ชายหนุ่มลากรุจไปช่วยเก็บของกลับบ้าน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
2 ปีผ่านไป
ข่าวคราวของเด็กที่หายสาบสูญไปค่อยซาลง เจ้าหน้าที่ของวนอุทยานพลิกป่าหาอยู่หลายวันแต่ก็ไม่มีวี่แววอะไร จนเรื่องเงียบไปในที่สุด ไม่มีใครได้ข่าวของเด็กทั้งหกอีกเลย
รุจนั่งทำการบ้านอยู่หน้าคอมเหมือนทุกวัน จะ 5 ทุ่มครึ่งแล้ว ชายหนุ่มบิดขี้เกียจ เหลือบมองปฏิทิน วันนี้สินะ ที่รักแรกของเขาหายตัวไป เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวโปรด ตั้งใจจะพักสายตาซักครู่ หูแว่วเสียงแผ่วดังมาตามลม
“มาสิ มาอยู่ด้วยกัน”
รุจสะดุ้งโหยง -เสียงแพร ใช่แน่ๆ แต่...แพรอยู่ที่ไหนละ- ชายหนุ่มเดินไปที่ระเบียง เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เหงื่อไหลโชกท่ามกลางอากาศหนาวจับจิต สายตาเหลือบเห็นป้ายที่ไม่เคยมี และไม่ควรมีมาก่อนลอยอยู่กลางอากาศ
‘พฤกษาปริศนา’
รุจขยี้ตาอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“มาสิ พฤกษาปริศนายินดีต้อนรับ” เสียงแพรแว่วมาจากในนั้นสะกดให้เขาเดินเข้าไปตามทางที่ไม่ควรมีจากระเบียงชั้นสอง ไม่มีใครได้เห็นชายหนุ่มอีกเลย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผลงานอื่นๆ ของ netha ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ netha
ความคิดเห็น